
23 กันยายน 2568
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอจักราช ประสานกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ สินค้าประเภทผ้าและงานหัตถกรรม และผู้ที่มีความสนใจ ในพื้นที่อำเภอจักราช จำนวน 50 คน เข้าร่วมโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าไทย รุ่นที่ 6 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการย้อมสีผลิตภัณฑ์ผ้า และการสร้างสรรค์ลวดลายด้วยสีจากธรรมชาติ โดยมีกิจกรรมหลักดังนี้
5 ฐานเรียนรู้: จุดเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ผ้าไทยสู่สากล
1. ฐานการย้อมสีผ้าจากธรรมชาติ (Natural Dyeing Base)
ช่างฝีมือจะได้เรียนรู้วิธีการสกัดและย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น เปลือกไม้ ใบไม้ ผลไม้ หรือสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อให้ได้เฉดสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอำเภอจักราช เป็นการ ลดการใช้สารเคมี ในกระบวนการผลิต ทำให้ผ้าที่ได้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์ แฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion) ของโลก
2. ฐานการมัดหมี่ผ้าทอมือ (Traditional Tie-Dye Weaving Base)
ฐานนี้เป็นการสืบสานและต่อยอด มรดกภูมิปัญญา การทอผ้า "มัดหมี่" ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างลวดลายบนเส้นด้ายก่อนนำไปทอ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการ ค้นหมี่ การมัดเส้นด้ายตามลวดลายที่ออกแบบ ไปจนถึงการย้อมสีและการทอจริง เน้นการ สร้างสรรค์ลวดลายใหม่ๆ ที่ผสมผสานความคลาสสิกของลายมัดหมี่ดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ที่ทันสมัย ทำให้ผ้ามัดหมี่สามารถนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
3. ฐานการทำผ้าบาติก (Batik Making Base)
ฐานนี้เป็นการเรียนรู้ศิลปะบนผืนผ้าด้วยเทคนิคการ เขียนเทียน หรือการใช้ขี้ผึ้งเป็นตัวกันสี ผู้เข้าร่วมจะได้รับการถ่ายทอดทักษะในการออกแบบลวดลายและการลงสีด้วยมือ เพื่อให้เกิดลวดลายที่ละเอียดอ่อนและมีมิติ การทำผ้าบาติกนี้เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือได้ใช้ ความคิดสร้างสรรค์ ในการเล่าเรื่องราวท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมของอำเภอจักราชลงบนผืนผ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และสร้าง อัตลักษณ์ ที่ไม่ซ้ำใคร
4. ฐานการมัดย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ (Natural Tie-Dye Base)
ต่างจากการย้อมสีพื้นในฐานที่ 1 ฐานนี้มุ่งเน้นเทคนิคการ มัด หรือ ผูก ผ้าในรูปแบบต่าง ๆ ก่อนนำไปย้อมสีจากธรรมชาติ เพื่อให้เกิดลวดลายที่น่าสนใจบนผืนผ้า เช่น ลายก้นหอย ลายริ้ว หรือลวดลายอิสระตามจินตนาการ เป็นการเน้นทักษะในการ ผสมผสานสี และ เทคนิคการมัด แบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ดูสดใหม่ มีชีวิตชีวา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงของใช้ตกแต่ง
5. ฐานการพิมพ์ลายผ้าแบบ Eco print (Eco Print Fabric Base)
นี่คือเทคนิค นวัตกรรม ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการสิ่งทอโลก Eco print คือการพิมพ์ลายบนผ้าด้วยการใช้ ใบไม้ ดอกไม้ หรือส่วนต่าง ๆ ของพืช มาวางบนผืนผ้าโดยตรง จากนั้นนำไปม้วน อบ หรือนึ่ง เพื่อให้สีและโครงสร้างของพืชถ่ายโอนลงบนผ้า ผลลัพธ์ที่ได้คือลวดลายธรรมชาติที่ สวยงาม แปลกตา และ ไม่สามารถทำซ้ำได้ ในแต่ละชิ้นงาน ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่มีความเป็น งานศิลปะ (Artisanal) สูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
การยกระดับผ้าไทยในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ในการใช้ "ผ้าไทย" เป็นพลัง Soft Power ที่สำคัญของประเทศ ตามแนวคิด "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" โดยเน้นการสร้างสรรค์อัตลักษณ์เฉพาะถิ่นให้โดดเด่นและมีมูลค่าเพิ่ม
คาดว่าผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 50 คน จะสามารถนำความรู้และแรงบันดาลใจที่ได้รับไปต่อยอดพัฒนาสินค้าของตนเอง สามารถเจาะตลาดแฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion) ได้สำเร็จ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงในการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของอำเภอจักราชให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป